หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

ท่องเที่ยวดูปลาวาฬ แดน บางตะบูน

รีวิวท่องเที่ยวดูปลาวาฬ แดน บางตะบูน
ผู้อ่านและผู้ที่ไม่ได้ศึกษาทุกคน..เมื่อวันก่อนข้าพเจ้าพาคุณทุกคนไปดูปลาวาฬกัน...ที่สถานท่องเที่ยวที่แห่งหนึ่งเรามาดูกันซิว่า!! สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนั้นจะเป็นที่ไหน? โปรดตามอ่านกันเลยครับ
เรือลำเล็กๆสีส้มแจ๋ดเริ่มเคลื่อนป๊อกแป๊ก เคลื่อนตัวออกจากท่าจอดเรือปากแม่น้ำบางตะบูน อำเภอบ้านแหลม เพชรบุรี มุ่งหน้าสู่อ่าวไทยตอนบน ที่เรียกขานกันจนชินปากว่า อ่าวไทยรูปตัว ก เพื่อพาดิฉันไปชมวาฬบรูด้า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย
เช้าวันนั้น อารมช่างชื่นบาน แสงอาทิตย์แผดจ้าลมรำเพยมาเอื่อยๆมีริ้วคลื่นเล็กๆวิ่งไล่กันอยู่ใต้กราบข้างท้องร่องที่เรือแล่นไป มีนกน้ำมากมายพันธุ์เกาะอยู่บนเสาไม้ที่ปักไว้เป็นสาย เพื่อเข้าฉากเนื้อที่ของผู้ได้รับยอมให้จากกรมประโมง ให้หาเลี้ยงตัวเลี้ยงหอยแมลงภู่ เลี้ยงปลาทะเล หรือทำโพงพางจับปลา มีบ้านช่องพักกลางชายทะเลที่ท่าว่า กระเตง ปลูกอยู่ในเขตรั้วเหล่านั้น ไม่หยุดทางแคบที่กระผมหลุดลอย เห็นแล้วก็ปรารถนาจะขึ้นไปนอนเล่นสงบสติอารมณ์หลีกลี้จากสภาวการณ์วุ่นวายของชาติบ้านเมืองสักคืนสองคืน
ผู้ร่วมทีมที่ลงเรือร่วมเดินทางกันไปสิบคนไปท่องเที่ยวพากันนั่งชมนกชมไม้สองฝั่งน้ำกันอย่างเพลิดเพลิน พอเรือแล่นพ้นปากแม่น้ำบางตะบูน เข้าสู่ทะเลอ่าวไทย เสาไม้ โพงพาง และกระเตงก็เริ่มสูญจากสายตา ทะเลเริ่มขุ่นข้นเป็นสีเขียวด้วยแพลงก์ตอน ปลากะตักตัวเล็กๆที่เป็นอาหารการกินโปรดของวาฬบรูด้าทะยานหยอยๆขึ้นมาเหนือน้ำ เช่นว่ายชวนสู้แข่งความไวกับเรือสำเภาเรา บางตัวดวงตก โลดเต้นขึ้นมานอนแอ้งแม้งบนพื้นเรือ กัปตันบอกว่ากว่าจะแล่นเรือกลับถึงบ้าน ฉันจะได้ปลากะตักแดดเดียวไปทอดกินเป็นกับข้าวมื้อเย็นจานใหญ่
โน่นๆ...วาฬขึ้นแล้ว... สำเนียงหมู่เราตะโกนบอกเร้าใจ พวกเรารีบคว้ากล้องแล้วลุกไปกระจายหามุมดีๆอยู่ตามหัวเรือและข้างเรือที่เจอวาฬบรูด้ายื่นหัวอยู่ ซึ่งทำท่ากรวยสีดำที่โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำแล้วก็มุดหายตัว กัปตันพาเรือไปถึงเข้าไปเคียงข้างที่ตั้งที่เห็นวาฬโผล่ขึ้นมา แล้วก็ปล่อยเกียร์ว่างเพื่อไม่ให้เป็นพิษภัยกับวาฬกระผมคอยอยู่เงียบๆอย่างใจเย็นเดี๋ยวเดียวนักวาฬก็โผล่ขึ้นมาให้ผมได้สังเกต ทีท่าที่อ้าปากหากินแล้วมีนกนางนวลเหินอยู่ทั่วๆนั้นช่างสวยงามเหลือเกิน พอเพียงกินได้ผลวาฬก็ผลุบลงดำน้ำ จากนั้นพ่นน้ำผ่านรูหายใจเป็นฝอยๆ ประดุจน้ำพุพร้อมกับมีกลิ่นไอปลาเน่าระชวยตามลมมากลิ่นฉุยๆเหมือนวาฬตดให้ข้าพเจ้าสูดกลิ่น
เมื่อวานก็ท่องเที่ยวกันจนกระปลกกระเปลี้ยกันมาบานเบอะล่ะนะครับ...ควรขอตัวไปหาถิ่นท่องเที่ยวที่ดีเด็ดมาให้รู้กันอีกนะครับผม
แนะนำ  รีวิวท่องเที่ยว

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

รีวิวท่องเที่ยวน้ำตก”เอราวัณ”จังหวัดกาญจนบุรี

รีวิวท่องเที่ยวน้ำตก เจ็ด อันดับ”เอราวัณ”จังหวัดกาญจนบุรี
ปิดเทอมภาคฤดูร้อนนี้มีสถานที่รีวิวท่องเที่ยวกันหรือยังเอ่ย เมื่อวันก่อนกระผมจะมาแนะนำสถานที่รีวิวท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจความร้อนกันค่ะนั่นก็คือ น้ำตก 7 ชั้นหรือที่ร้องเรียกกันว่าน้ำตกเอราวัณนั่นเองจ๋า ตั้งอยู่ที่อำเภอศรีสวัสดิ์ กาญจนบุรีจ้ะ แต่เพื่อนเล่นทราบไหมขาว่า เพื่ออะไรจึงร้องเรียกเจ้าน้ำตกนี้ว่า น้ำตกเอราวัณ เรื่องเดิมของชื่อน้ำตกนี้ก็หมายถึง น้ำตกเอราวัณจะมีทั้งหมด 7 อันดับ ซึ่งแต่ละชั้นจะมีความต้องตาต้องใจงามที่เหลื่อมล้ำกันมีทั้งสิงสาราสัตว์สวยเช่นตัวปลาที่แหวกว่ายน้ำในแผ่นน้ำ หรือจะเป็นผกาป่านานาพันธุ์ เถาวัลย์ที่เกี่ยวกับไม้ใหญ่ใหญ่ และมีนกป่าอีกนักสายพันธุ์ที่ส่งเสียงร้องทำให้ได้แนวๆธรรมดามากเพิ่มขึ้น แต่ที่เด่นที่สุดก็คือชั้นที่ 7 ที่เป็นชั้นบนสุดของน้ำตกจะมีลำน้ำ ไหลมาตามชั้นหินเป็นห้วงประเมินค่า 1,500 เมตรเมื่อมองมาจากชั้น 7 ทำให้ดูเยี่ยงกับหัวช้างเอราวัณซึ่งมี 3 หัว จึงเป็นที่รู้จักมักคุ้นของนักรีวิวท่องเที่ยวและเป็นต้นเรื่องของชื่อ น้ำตกเอราวัณและชื่อของสวนธรรมชาติ แห่งชาตินี้ด้วยขา เรามาชมอารมแต่ละชั้นกันดีกว่าค่ะว่าประเจิดประมาณไหน

น้ำตกชั้นแรกมีชื่อว่า ไหลคืนรังค่ะ เพราะว่าชั้นนี้เดินสบายๆไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้ว สำหรับชั้นนี้จะมีปลาที่ชื่อว่า ปลาพวง อาศัยอยู่นานาประการ และจะมีปลาน้ำจืด อย่างกับ ปลาตละกูลปลาตะเพียน ปลาจำพวกนี้จะเป็นที่นิยมเข้าอยู่อยู่ที่บริเวณธารน้ำตก ซึ่งเนื้อที่ชั้นแรกนั้นจะมีน้ำสีฟ้าเขียวและน้ำใสๆเหมาะสำหรับเด็กเล็กอาจจะลงไปเล่นได้สถานที่ด้านข้างจะมีโต๊ะไว้ให้เพราะว่านั่งชมวิว ชั้นที่ สอง มีชื่อว่า "วังมัจฉา" ซึ่งอยู่ถัดจากเบื้องต้นมานิดเดียวเองท่าว่าถ้ามาถึงแล้วกีดกันเสียที่จะเดินเลยทำขึ้นมาชั้น สอง เนื่องแต่ชั้นนี้มีความงดงามของม่านบังตาน้ำตกซึ่งอยู่หลังสายน้ำตกที่ไหลลงมา มีน้ำกระเซ็นนิดหน่อยได้แนวๆ และที่สำคัญคือ นักท่องเที่ยวอาจเดินไปชายม่านน้ำตกนี้ได้ค่ะ ชั้นที่ สาม มีชื่อว่า"ผาน้ำตก"เป็นประเภทที่น่าเล่นน้ำเป็นอย่างเต็มที่ ชั้นนี้จะมีเสียงน้ำไหลลงมาจากผาชัน ดังชื่อชั้นเลยค่ะ ต่อจากนั้นจะมีสะพานให้เดินย่ำข้ามไปจะพบชั้นที่ สี่ ที่มีชื่อว่า"อกผีเสื้อ" ชั้นนี้คงจะมีน้ำน้อยกว่าชั้นอื่นๆแต่ก็ทำให้เราเห็นว่า สัณฐานของหินที่อยู่ในน้ำตกชั้นนี้ สังเกตดังกับอกของผู้หญิง หรืออกของนางผีเสื้อมหาสมุทร ที่มีน้ำตกไหลตลอดหินกลมมน ก้อนใหญ่โต สอง ก้อนดูแล้วละมุนละม่อมงามยิ่งแยะเลยขา ต่อจากนั้นถ้าเราเดินย่ำจากชั้นที่ สี่ ไปชั้นที่ 5 ระยะห่างทางจะเริ่มไกลขึ้นค่ะ ต้องเดินขึ้นเขาถัดไปอีกถึง 600 เมตรเลยเทียว ต้องเดินไปวิ่งไปแต่ระหว่างทางจะมีจุดแวะชมวิวอยู่คะ ชั้นที่ 5 มีชื่อว่า"เบื่อไม่ลง" เช่นเดียวกันประเภทของสายน้ำที่ไหลตกมาตามชั้นหินเตี้ยๆแยะชั้นบวกกับน้ำ ที่มีสีฟ้าเขียวทำให้เกิดความงามตาน่าหลงใหลได้ปลื้มเป็นทายาดสมกับที่ชื่อเบื่อไม่ลงยิ่งจ้ะ ใกล้สัจธรรมเข้ามาเป็นประจำแล้วใช่ไหมคะ อีก 2 ชั้นเองกระผมจะถึงชั้นบนสุดกันแล้วเดินกันไปเป็นชั้นที่ 6 มีชื่อว่า" ดงพฤกษา" ชั้นนี้จะมีม่านน้ำที่แหวกม่านพฤกษาออกมาเลย เมื่อดูแล้วมันจากที่เดินร้อน ๆ เห็นอย่างนี้แล้วทำให้รู้สึกเย็นฉ่ำขึ้นมาทันเวลาเลย
ก็จบไปแล้วเพราะการรีวิวท่องเที่ยวน้ำตก เจ็ด ชั้น”เอราวัณ”จังหวัดกาญจนบุรี คราวหน้าจะพาไปรีวิวท่องเที่ยวแห่งไหนนั้นคอยตามแล้วกัน